สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นองค์กรของรัฐในรูปแบบองค์การมหาชนตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 จัดตั้งขึ้นตาม พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณี และเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2546 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ในกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2541 ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นายสมพล เกียรติไพบูลย์) ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (นายปรีชา อรรถวิภัชน์) อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี (นายนภดล มัณฑจิตร) อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (นายมนู เลียวไพโรจน์) รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก (นางจันทรา บูรณฤกษ์) ผู้แทนจากสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทย และเครื่องประดับ (นายคมสัน โอภาสสถาวร นายพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล นายพิเชษฐ์ พะลานุกูล) และศาสตราจารย์ศักดา ศิริพันธุ์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ประชุมหารือในการจัดตั้ง สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ โดยได้ข้อสรุปว่าทั้ง 2 กระทรวงเห็นชอบให้จัดตั้งสถาบันดังกล่าวโดยได้รับความร่วมมือจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในด้านสถานที่และบุคลากร และที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนนำในการนำเสนอโครงการจัดตั้งสถาบันต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้ง “สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ” เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2541 โดยให้มีสถานะเป็นองค์กรอิสระ การบริหารงาน ไม่ผูกพันกับกฎระเบียบปฏิบัติและข้อบังคับของราชการและรัฐวิสาหกิจ และเมื่อมีพระราชบัญญัติองค์การมหาชนประกาศใช้ จึงให้ดำเนินการตาม พระราชบัญญัติต่อไป
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2541 ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นายสมพล เกียรติไพบูลย์) ในฐานะประธานกรรมการบริหารสถาบัน อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศาสตราจารย์ ดร.เทียนฉาย กีระนันท์) อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก (นายสนิท วรปัญญา) คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศาสตราจารย์ศักดา ศิริพันธุ์) นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ (นายคมสัน โอภาสสถาวร) และอุปนายกสมาคมฯ (นายพิเชษฐ์ พะลานุกูล) ได้ลงนามในบันทึกช่วยจำของโครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยตกลงที่จะร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อความเป็นเลิศ ทางวิชาการและเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกแก่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยคณะวิทยาศาสตร์ตกลงให้ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในอาคารวิจัยและตรวจสอบอัญมณี อุปกรณ์และอนุญาตให้อาจารย์ให้ ความร่วมมือในด้านการวิจัยและตรวจสอบอัญมณี เป็นเวลา 10 ปี (9 กันยายน 2541 – 9 กันยายน 2551) ต่อมา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2541 ที่ประชุมคณะกรรมการสถาบันสถาบันซึ่งประกอบด้วยภาครัฐและเอกชน จำนวน 28 ท่าน โดยมีนายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธาน ได้มีมติแต่งตั้งศาสตราจารย์ศักดา ศิริพันธุ์ เป็นผู้อำนวยการสถาบัน
จากนั้นเมื่อพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ.2542 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542 สถาบันจึงได้ดำเนินการยกร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตามแนวทางและขั้นตอนในการดำเนินการจัดตั้งเป็นองค์การมหาชนตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ สำนักงาน ก.พ. กำหนด และเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ.2546 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาฯ จนในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2546 จึงได้มีการประกาศ “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและ พัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ.2546” ในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 120 ตอนที่ 130ก สถาบันมีชื่อโดยย่อว่า สวอ. และมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า The Gem and Jewelry Institute of Thailand (Public Organization) (GIT) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน) บริหารงานและควบคุมดูแลโดย “คณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ” มีจำนวน 11 คน ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน) พ.ศ. 2546 มาตรา 15 ประกอบด้วย ประธานกรรมการ (แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี) กรรมการโดยตำแหน่ง 4 คน ได้แก่ ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนสำนักงบประมาณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 5 คน (แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี) และมีผู้อำนวยการสถาบันเป็นกรรมการและเลขานุการ
ต่อมา พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 15 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ พ.ศ. 2546 และให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ” มีจำนวน 11 คน ประกอบด้วย ประธานกรรมการ (แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี) กรรมการโดยตำแหน่ง 3 คน ได้แก่ ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 6 คน (แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี) และให้ผู้อำนวยการสถาบันเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง คณะกรรมการสถาบันมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการและการดำเนินการของสถาบัน เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ รวมถึงกำหนดนโยบายการบริหารงาน และให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานของสถาบัน อนุมัติงบประมาณประจำปี งบการเงิน แผนการลงทุน และแผนการเงินของสถาบัน รวมทั้งออกระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด หรือประกาศที่เกี่ยวกับสถาบัน
คณะกรรมการสถาบันสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 มีมติแต่งตั้งนางวิลาวัณย์ อติชาติ เป็นผู้อำนวยการสถาบัน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2548 เป็นต้นไป
คณะกรรมการสถาบันสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2556 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 มีมติแต่งตั้ง นางพรสวาท วัฒนกูล เป็นผู้อำนวยการสถาบัน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป
คณะกรรมการสถาบันสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 7/2560 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 มีมติแต่งตั้ง นางดวงกมล เจียมบุตร เป็นผู้อำนวยการสถาบัน ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฏาคม 2560 เป็นต้นไป
คณะกรรมการสถาบันสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 12/2563 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 มีมติแต่งตั้ง นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย เป็นผู้อำนวยการสถาบัน ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป
เป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงในตลาดโลก
เป็นสถาบันหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก มีหน้าที่ ดังนี้
"PUSH" forward ประกอบด้วย
P: Professional หมายถึง เป็นมืออาชีพ
U: Unity หมายถึง รักและสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกัน
S: Standard หมายถึง ส่งมอบผลงานมาตรฐานสากล
H: Happiness หมายถึง ปฎิบัติงานด้วยความสุข
forward หมายถึง มุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง